Skip to content
Close

Request a Demo

*Required

Terms of Use:

Your personal information will be collected and used to provide newsletters, updates, and messages regarding our products and services.

Privacy Policy:

For detailed information on how we handle personal information, please refer to the following link: Uzabase Privacy Policy

heart

Thank you for reaching out!

We will get back to you as soon as possible.

We will review your application and get back to you soon.
If you have any questions,
please feel free to contact us.

divider email speeda.sea@uzabase.com

Follow our Linkedin Page !

linked in

Our latest updates on
ASEAN reports and webinars are posted here.

Thai

คู่มือ | การประเมินมูลค่าด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด

Summary

วิธี DCF มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการประเมินมูลค่าการลงทุนโดยคำนึงถึงมูลค่าเงินตามกาลเวลา (time value of money) ซึ่งจำเป็นแต่ก็มีความท้าทายเนื่องจากความซับซ้อน ตั้งแต่การคาดการณ์รายได้ในอนาคตได้อย่างแม่นยำไปจนถึงการเลือกอัตราคิดลด (discount rate) ที่เหมาะสม

คู่มือ | การประเมินมูลค่าด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด | Discounted Cash Flow (DCF) Valuation)

คู่มือฉบับย่อเพื่อการประเมินมูลค่าบริษัทหรือโครงการ

ท่ามกลางวิธีการประเมินมูลค่าที่หลากหลาย วิธีการประเมินมูลค่าด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow (DCF) Valuation) ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมและเป็นพื้นฐานที่สุด ซึ่งเป็นที่รู้จักจากความสามารถในการกำหนดมูลค่าที่แท้จริงของการลงทุนโดยพิจารณาจากมูลค่าเงินตามกาลเวลา (time value of money)

ในบทความนี้ เราจะกล่าวถึงภาพรวมของการประเมินมูลค่าด้วยวิธี DCF, การใช้งาน และคำแนะนำแบบง่ายทีละขั้นตอนว่า DCF ทำงานอย่างไร หลังจากนั้น เราจะครอบคลุมถึงความท้าทายและข้อจำกัดของ DCF พร้อมทั้งวิธีที่แพลตฟอร์ม Speeda ของเราสามารถช่วยแก้ไขความท้าทายเหล่านี้ได้

ทำความเข้าใจการประเมินมูลค่าด้วยวิธี DCF

วิธีการประเมินมูลค่าด้วยวิธี DCF เป็นเทคนิคที่ใช้ในการประเมินมูลค่าของการลงทุนโดยอิงจากกระแสเงินสดที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเกี่ยวข้องกับการประมาณการจำนวนเงินที่การลงทุนจะสร้างได้ในอนาคต จากนั้นจึงคำนวณว่ามูลค่าดังกล่าวมีค่าเท่าใดในสกุลเงินดอลลาร์ในปัจจุบัน ซึ่งทำได้โดยการ “คิดลด” (discounting) รายได้ในอนาคตเหล่านั้นกลับมาเป็นมูลค่าปัจจุบัน (present value) โดยใช้อัตราเฉพาะที่สะท้อนถึงความเสี่ยงของการลงทุน แม้จะมีประโยชน์ แต่กระบวนการนี้อาจมีความซับซ้อน โดยเกี่ยวข้องกับการคาดการณ์รายได้ในอนาคตที่แม่นยำและการเลือกอัตราคิดลด (discount rate) ที่เหมาะสมเพื่อนำมาใช้

| การคำนวณ DCF

เมื่อ: 

  • CF1​ = กระแสเงินสดสำหรับปีที่หนึ่ง 
  • CF2​ = กระแสเงินสดสำหรับปีที่สอง 
  • CFn​ = กระแสเงินสดสำหรับปีเพิ่มเติม 
  • r = อัตราคิดลด 

จุดมุ่งหมายของการประเมินมูลค่าด้วยวิธี DCF 

การประเมินมูลค่าด้วยวิธี DCF ใช้เพื่อกำหนดมูลค่าของการลงทุนในปัจจุบัน ทำให้สามารถนำไปใช้กับบริษัทหรือโครงการได้ โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องสร้างกระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอ เป้าหมายสุดท้ายคือการพิจารณาว่าควรเข้าซื้อกิจการบริษัท ซื้อหลักทรัพย์หรือดำเนินการตามโครงการหรือไม่ บริษัทที่มีมูลค่าตลาด 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีมูลค่าตามราคาดังกล่าวหรือไม่ โดยอิงจากปัจจัยพื้นฐานและผลการดำเนินงานในอนาคต DCF มุ่งตอบคำถามนั้น

การประยุกต์ใช้ DCF: คำแนะนำง่ายๆ ทีละขั้นตอน

| ขั้นตอนที่ 1: การคาดการณ์กระแสเงินสดในอนาคต

เริ่มต้นด้วยกระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow (FCF)) หรือเงินที่เหลืออยู่หลังหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (operating expenses) และค่าใช้จ่ายลงทุน (capital expenditures) ก่อนหน้านั้น เราจำเป็นต้องตั้งสมมติฐานหลักบางประการ เช่น ระยะเวลาการคาดการณ์, การเติบโตของรายได้, ค่าใช้จ่าย โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • ระบุระยะเวลาการคาดการณ์: กำหนดระยะเวลาการคาดการณ์ที่เหมาะสมสำหรับการวิเคราะห์ของคุณ โดยทั่วไปคือ 5-10 ปี โดยอิงจากความพร้อมและความน่าเชื่อถือของข้อมูล
  • ประมาณการการเติบโตของรายได้: ใช้ข้อมูลทางการเงินย้อนหลัง, การวิเคราะห์อุตสาหกรรม,และแนวโน้มตลาด เพื่อคาดการณ์รายได้ในอนาคต
  • ประมาณการค่าใช้จ่าย: คาดการณ์ค่าใช้จ่ายในอนาคต โดยพิจารณาทั้งต้นทุนคงที่ (fixed costs) และต้นทุนผันแปร (variable costs) เพื่อให้ได้กำไรจากการดำเนินงานสุทธิ (net operating profit)
  • คำนวณกระแสเงินสดอิสระ (FCF): จากกำไรจากการดำเนินงานสุทธิ ปรับปรุงสำหรับภาษี, การเปลี่ยนแปลงเงินทุนหมุนเวียน (working capital) และค่าใช้จ่ายลงทุน (capital expenditures) เพื่อคำนวณ FCF สำหรับแต่ละปีในระยะเวลาการคาดการณ์ของคุณ

ตัวอย่างข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องของบริษัท A เพื่อให้ได้ FCF:

Ebit(กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี) 10,000
อัตราภาษี20%
ภาษีที่ต้องจ่าย2,000
Depreciation (ค่าเสื่อมราคา)200
Amortisation (ค่าตัดจำหน่าย)300
Capital Expenditure (ค่าใช้จ่ายลงทุน)2,000
Non-Cash Working Capital (เงินทุนหมุนเวียนที่ไม่ใช่เงินสด)300
FCF (กระแสเงินสดอิสระ)10,800

| ขั้นตอนที่ 2: การกำหนดอัตราคิดลด

เลือกอัตราคิดลด (Discount Rate): อัตราคิดลดสะท้อนถึงความเสี่ยงของการลงทุนและมูลค่าเงินตามกาลเวลา (time value of money) สำหรับบริษัทต่างๆ สิ่งนี้มักจะเป็นต้นทุนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของเงินทุน (Weighted Average Cost of Capital (WACC))

Equity (ส่วนของผู้ถือหุ้น)50,000
Debt (หนี้สิน)45,000
Cost of Debt (ต้นทุนหนี้สิน)5%
อัตราภาษี25%
Risk Free Rate (อัตราผลตอบแทนไร้ความเสี่ยง)1.5%
Beta (ค่าเบต้า)1.3
ผลตอบแทนตลาด10%
Cost of Equity (ต้นทุนส่วนของผู้ถือหุ้น)12.55%

หลังจากคำนวณ Cost of Equity (ต้นทุนส่วนของผู้ถือหุ้น) เราจะดำเนินการคำนวณ WACC ผ่านวิธีการ CAPM เพื่อให้ได้อัตราคิดลด (discount rate)

WACC calculation sample image

| ขั้นตอนที่ 3: การคำนวณมูลค่าคงเหลือ

ในการประเมินมูลค่าด้วยวิธี DCF เป็นเรื่องปกติที่จะคาดการณ์กระแสเงินสดสำหรับช่วงเวลาห้าปีข้างหน้า เกินกว่ากรอบเวลานี้ การคาดการณ์ผลการดำเนินงานของบริษัทจะมีความแม่นยำน้อยลง เพื่อแก้ไขปัญหานี้ จึงมีการใช้มูลค่าคงเหลือ (terminal value) ในการคำนวณมูลค่าคงเหลือ มีสองแนวทางที่นิยมใช้ดังต่อไปนี้ ในบทความนี้ เราจะใช้ค่าเฉลี่ยของทั้งสองวิธี

  • Exit Multiple Method: แนวทางนี้สมมติว่าธุรกิจจะถูกขายในราคาพหุคูณ (multiple) ที่แน่นอนของ EBITDA ปีที่คาดการณ์ล่าสุด
  • Perpetual Growth Method: วิธีนี้สมมติว่าธุรกิจจะเติบโตต่อไปในอัตราคงที่อย่างไม่จำกัด

ขั้นแรก เราจะคำนวณ EBITDA และ FCF ปัจจุบันและอนาคต

Period12345
EBITDA10,50010,92011,33511,74312,142
FCF4,6244,9565,3815,6395,842

 

ถัดไป เราจะคำนวณมูลค่าคงเหลือ (Terminal Value) โดยใช้ค่าเฉลี่ยของทั้งวิธี Exit Multiple Method (สมมติว่าพหุคูณคือ 8x) และวิธี Perpetuity Growth ที่ 3%

EBITDA (จากรอบปีคาดการณ์ล่าสุด)12,142
Exit Multiple (EV/EBITDA)97,138
Perpetuity Growth106,405
Average between Exit Multiple and Perpetuity Growth101,772

| ขั้นตอนที่ 4: การคำนวณมูลค่ากิจการ 

เมื่อ WACC และมูลค่าคงเหลือ (Terminal Value) พร้อมแล้ว เราจะคิดลด FCF และมูลค่าคงเหลือ (Terminal Value) ตัวเลขที่ถูกคิดลดจะถูกนำมารวมกันเป็นมูลค่ากิจการ (Enterprise Value (EV)) ซึ่งเป็นมูลค่าของธุรกิจ

การคิดลด FCF และมูลค่าคงเหลือ (Discounting the FCF and Terminal Value)

Period12345
FCF4,6244,9565,3815,6385,842
Terminal Value106,405
Discount Factor0.920.850.790.720.67
PV ของ FCF4,2664,2194,2264,0873,906
PV ของ Terminal Value71,152

 

ตอนนี้มูลค่ากิจการ (enterprise value) เป็นเพียงผลรวมของมูลค่าปัจจุบันของ FCF (PV of FCF) และมูลค่าคงเหลือ (Terminal value) ซึ่งเท่ากับ 91,857

ความท้าทายของการประเมินมูลค่าด้วยวิธี DCF

การคาดการณ์กระแสเงินสดในอนาคต: หนึ่งในความท้าทายที่สำคัญที่สุดในการประเมินมูลค่าด้วยวิธี DCF คือการคาดการณ์กระแสเงินสดในอนาคตได้อย่างแม่นยำ กระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับการตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับการเติบโตของรายได้ในอนาคต, อัตรากำไร (profit margins), ความต้องการเงินทุนหมุนเวียน (working capital) และค่าใช้จ่ายลงทุน (capital expenditures) การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในสมมติฐานเหล่านี้อาจนำไปสู่ความผันผวนอย่างมีนัยสำคัญในการประเมินมูลค่า

การกำหนดอัตราคิดลดที่เหมาะสม: อัตราคิดลด (discount rate) สะท้อนถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับกระแสเงินสดในอนาคต การคำนวณ WACC ซึ่งมักใช้เป็นอัตราคิดลดนั้นเกี่ยวข้องกับการประมาณต้นทุนส่วนของผู้ถือหุ้น (cost of equity) และต้นทุนหนี้สิน (cost of debt) ซึ่งแต่ละส่วนก็มีชุดสมมติฐานและความท้าทายของตัวเอง การประมาณอัตราคิดลดผิดพลาดอาจนำไปสู่การประเมินมูลค่าที่สูงเกินไปหรือต่ำเกินไปอย่างมีนัยสำคัญ

การประมาณมูลค่าคงเหลือ: ส่วนใหญ่ของมูลค่าของบริษัทในแบบจำลอง DCF มักจะมาจากมูลค่าคงเหลือ (terminal value) ซึ่งแสดงถึงมูลค่าของบริษัทที่นอกเหนือจากช่วงเวลาการคาดการณ์ที่กำหนดไว้ การเลือกวิธีการ เช่น แบบจำลองการเติบโตตลอดไป (perpetuity growth model) หรือวิธี exit multiple method และสมมติฐานที่ใช้ (เช่น อัตราการเติบโตระยะยาว) สามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อผลลัพธ์ของการประเมินมูลค่า

สภาวะตลาดและสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ: การเปลี่ยนแปลงของสภาวะตลาดหรือสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจสามารถทำให้การประเมินมูลค่าด้วยวิธี DCF ล้าสมัยได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น อัตราดอกเบี้ย (interest rates) ส่งผลกระทบโดยตรงต่ออัตราคิดลด (discount rate) และสามารถเปลี่ยนแปลงมูลค่าได้อย่างมีนัยสำคัญ ในทำนองเดียวกัน ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำหรือขาขึ้นสามารถส่งผลกระทบต่อการคาดการณ์ผลการดำเนินงานของบริษัท

ความซับซ้อนและการใช้เวลา: การดำเนินการวิเคราะห์ DCF ต้องอาศัยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการเงินและการบัญชี พร้อมกับการเข้าถึงข้อมูลทางการเงินโดยละเอียดของบริษัท อาจเป็นกระบวนการที่ใช้เวลานานซึ่งเกี่ยวข้องกับการคำนวณที่ซับซ้อน ทำให้เป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญหรือทรัพยากรที่จำเป็น

การละเลยปัจจัยที่ไม่ใช่ทางการเงิน: แบบจำลอง DCF มุ่งเน้นไปที่ผลการดำเนินงานทางการเงินเป็นหลักและไม่ได้พิจารณาปัจจัยที่ไม่ใช่ทางการเงินโดยตรง เช่น มูลค่าแบรนด์, ความภักดีของลูกค้าหรือการวางตำแหน่งทางการตลาด, สินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน (intangible assets) เหล่านี้อาจเป็นปัจจัยขับเคลื่อนมูลค่าที่สำคัญสำหรับบางบริษัท

Speeda ซอฟต์แวร์ที่คุณสามารถไว้ใจได้สำหรับกระบวนการประเมินมูลค่าสำหรับทั้งฝั่ง Buy-Side หรือ Sell-Side

  • เมื่อพูดถึงการประเมินมูลค่าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานประจำของคุณ การมีเครื่องมือที่เหมาะสมสามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมาก ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเวลา แต่ยังช่วยเพิ่มความแม่นยำและความครอบคลุมในการวิเคราะห์ของคุณ นี่คือจุดที่ Speeda เข้ามามีบทบาท – เครื่องมือที่ออกแบบมาโดยเน้นตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะ มีการเข้าถึงฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่รวบรวมโปรไฟล์ที่ได้มาตรฐานสำหรับทั้งบริษัทเอกชนและบริษัทมหาชนหลายล้านแห่ง
  • นอกเหนือจากการทำให้กระบวนการประเมินมูลค่าบริษัทง่ายขึ้นแล้ว Speeda ยังโดดเด่นด้วยความครอบคลุมที่กว้างขวางของการควบรวมและซื้อกิจการ (mergers and acquisitions (M&A)) คุณสมบัตินี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบรายละเอียดและตัวชี้วัดที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงและการประเมินมูลค่าได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าคุณจะกำลังวิเคราะห์แนวโน้มตลาด, ประเมินโอกาสการลงทุน หรือดำเนินการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะ Speeda จะช่วยปรับปรุงกระบวนการเหล่านี้ ทำให้เป็นทรัพยากรที่มีค่าในชุดเครื่องมือทางการเงินของคุณ

| Speeda ให้บริการผู้ใช้ของเราในการให้คำปรึกษา M&A และธนาคารอย่างไร 

  • การเข้าถึงข้อมูลทางการเงินที่ครอบคลุม: Speeda ช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดทรัพยากรอันมีค่าด้วยข้อมูลทางการเงินที่ครอบคลุม เครื่องมือวิเคราะห์ และข้อมูลเชิงลึกของตลาด แพลตฟอร์มนี้เป็นที่รู้จักในด้านความครอบคลุมของบริษัทเอกชนและมหาชนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กว้างขวาง โดยมีบริษัทที่ถูกจัดหมวดหมู่ในอุตสาหกรรมกว่าร้อยอุตสาหกรรมโดยนักวิเคราะห์ภายในและอัลกอริทึม ทำให้ผู้ใช้สามารถดึงข้อมูลทางการเงิน การประเมินมูลค่า และตัวชี้วัดเปรียบเทียบจากผู้เล่นเอกชนและมหาชนที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็ว
  • สภาวะตลาดและสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ: แบบจำลอง DCF มุ่งเน้นไปที่ผลการดำเนินงานทางการเงินเป็นหลักและไม่ได้พิจารณาปัจจัยที่ไม่ใช่ทางการเงินโดยตรง เช่น มูลค่าแบรนด์, ความภักดีของลูกค้า หรือการวางตำแหน่งทางการตลาด สินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน (intangible assets) เหล่านี้ ซึ่งได้รับการแก้ไขผ่านรายงานแนวโน้มและอุตสาหกรรมที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเรา อาจเป็นปัจจัยขับเคลื่อนมูลค่าที่สำคัญสำหรับบางบริษัท
    M&A Deal Speeda page Sample image

ตัวอย่างข้อตกลง M&A ในฟังก์ชัน M&A ของ Speeda พร้อมรายละเอียดของตัวชี้วัดสำคัญของข้อตกลงหลักๆ ในประเทศไทย รวมถึงมูลค่ากิจการ (enterprise value), มูลค่าข้อตกลง (deal value) และอื่นๆ

| แพลตฟอร์มครบวงจรเพื่อเร่งการประเมินมูลค่าและความต้องการด้านการวิเคราะห์ของคุณในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ลองลงทะเบียนเพื่อทดลองใช้ Speeda ฟรี – โซลูชั่นครบวงจรของคุณเพื่อยกระดับการประเมินมูลค่าและการวิจัยทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยฐานข้อมูลที่แข็งแกร่งซึ่งปรับแต่งสำหรับทั้งบริษัทมหาชนและบริษัทเอกชน ควบคู่ไปกับรายงานภายในเกี่ยวกับแนวโน้มอุตสาหกรรมและข้อมูล M&A 

Speeda จะช่วยเสริมศักยภาพบริษัทที่ต้องการข้อมูลการประเมินมูลค่าที่แข็งแกร่งด้วยเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการคัดกรองเป้าหมาย การประเมินมูลค่า และการวิเคราะห์ตลาดที่แม่นยำ รับประโยชน์จากบริการวิจัยที่ปรับแต่งได้ การเข้าถึงเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญผ่าน Flash Opinion และข่าวสารทั่วโลกล่าสุด

- Recommended Content

Recommended Content For You