Skip to content
Close

Request a Demo

*Required

Terms of Use:

Your personal information will be collected and used to provide newsletters, updates, and messages regarding our products and services.

Privacy Policy:

For detailed information on how we handle personal information, please refer to the following link: Uzabase Privacy Policy

heart

Thank you for reaching out!

We will get back to you as soon as possible.

We will review your application and get back to you soon.
If you have any questions,
please feel free to contact us.

divider email speeda.sea@uzabase.com

Follow our Linkedin Page !

linked in

Our latest updates on
ASEAN reports and webinars are posted here.

Thai

คู่มือ | การวิเคราะห์เปรียบเทียบบริษัทที่คล้ายคลึงกัน

Summary

การวิเคราะห์เปรียบเทียบบริษัทที่คล้ายคลึงกัน (Comparable Company Analysis – CCA) คู่มือฉบับย่อเพื่อทำความเข้าใจและวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ

ในการวิเคราะห์ธุรกิจ มีหลากหลายวิธีที่บริษัท นักวิเคราะห์ และนักลงทุนสามารถเลือกใช้ได้ ในบรรดาวิธีการเหล่านี้ การวิเคราะห์เปรียบเทียบบริษัท (Comparable Company Analysis – CCA) ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ประเมินสถานะทางการเงินและมูลค่าตลาดของบริษัท โดยการเปรียบเทียบกับบริษัทอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน เทคนิคการประเมินมูลค่านี้ตั้งอยู่บนหลักการที่ว่า บริษัทที่มีคุณลักษณะคล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะเป็นขนาด อุตสาหกรรม หรือตำแหน่งในตลาด ก็มีแนวโน้มที่จะมีมูลค่าที่ใกล้เคียงกัน

การวิเคราะห์เปรียบเทียบบริษัท (CCA) คืออะไร?

การวิเคราะห์เปรียบเทียบบริษัท (Comparable Company Analysis) คือเทคนิคการประเมินมูลค่า (valuation technique) ที่เปรียบเทียบอัตราส่วนทางการเงิน (financial ratios) และตัวชี้วัด (metrics) ต่างๆ ของบริษัทมหาชนที่คล้ายคลึงกัน เพื่อประเมินมูลค่าของธุรกิจอีกแห่งหนึ่ง วิธีนี้ถือเป็นการประเมินมูลค่าเชิงเปรียบเทียบ (relative valuation) เนื่องจากเป็นการประเมินกิจการโดยอิงจากมูลค่าตลาด ณ ปัจจุบัน ซึ่งแตกต่างจากวิธีการประเมินมูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน (intrinsic methods) เช่น การวิเคราะห์กระแสเงินสดคิดลด (Discounted Cash Flow – DCF) ที่จะประเมินมูลค่าโดยการพยากรณ์กระแสเงินสดในอนาคต

เหตุผลเบื้องหลังการใช้ CCA

  • การเทียบเคียงกับตลาด (Market Benchmarking): CCA ช่วยให้เราสามารถระบุตำแหน่งของบริษัทในภาพรวมของตลาดได้ โดยการเปรียบเทียบกับบริษัทที่มีการดำเนินงานและโครงสร้างทางการเงินที่คล้ายคลึงกัน การเปรียบเทียบนี้ช่วยให้เข้าใจว่าบริษัทมีสถานะเป็นอย่างไรเมื่อวัดจากตัวชี้วัดที่สำคัญเทียบกับคู่แข่ง
  • การตัดสินใจลงทุน: การประเมินสถานะทางการเงินและมูลค่าตลาดของบริษัทที่เทียบเคียงได้ ช่วยให้สามารถระบุโอกาสและความเสี่ยงในการลงทุนได้ดีขึ้น
  • การควบรวมและซื้อกิจการ (Mergers and Acquisitions – M&A): ในกระบวนการ M&A, CCA มีความสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดราคาเสนอซื้อ (offer price) สำหรับบริษัทเป้าหมาย (target company) โดยการวิเคราะห์ว่าบริษัทที่คล้ายกันมีมูลค่าเท่าใด ผู้ซื้อกิจการจะสามารถเสนอราคาที่ยุติธรรมซึ่งสะท้อนถึงตำแหน่งทางการตลาดและศักยภาพในอนาคตของบริษัทเป้าหมายได้
  • การให้ความเห็นเกี่ยวกับความเป็นธรรม: CCA เป็นพื้นฐานเชิงปริมาณสำหรับความเห็นเกี่ยวกับความเป็นธรรมของราคา ซึ่งเป็นการประเมินโดยอิสระเพื่อพิสูจน์ว่าเงื่อนไขในธุรกรรมนั้นมีความยุติธรรมจากมุมมองทางการเงิน การวิเคราะห์นี้ช่วยสนับสนุนกระบวนการตัดสินใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องกับการควบรวม ซื้อกิจการ และการปรับโครงสร้างองค์กร (corporate restructuring) อื่นๆ
  • การวางแผนกลยุทธ์: บริษัทต่างๆ ใช้ CCA เพื่อวางกลยุทธ์สำหรับก้าวต่อไปในตลาด การทำความเข้าใจว่าบริษัทที่คล้ายกันได้รับการประเมินมูลค่า มีตำแหน่งในตลาด และมีผลการดำเนินงานเป็นอย่างไร สามารถส่งผลต่อการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ เช่น การเข้าสู่ตลาดใหม่ การกระจายสายผลิตภัณฑ์ หรือแม้กระทั่งการปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจเพื่อการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่ดีขึ้น
  • การรายงานทางการเงินและการปฏิบัติตามข้อกำหนด: สำหรับวัตถุประสงค์ด้านการรายงานทางการเงิน บริษัทอาจจำเป็นต้องประเมินมูลค่ายุติธรรม (fair value) ของสินทรัพย์และหนี้สินบางรายการ โดยเฉพาะเมื่อมีการซื้อและจำหน่ายสินทรัพย์ CCA จะให้ข้อมูลเชิงเปรียบเทียบจากตลาดเพื่อสนับสนุนการประเมินเหล่านี้ ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าบริษัทปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชี

การเปรียบเทียบระหว่าง Comparable Company Analysis (CCA) และ Precedent Transaction Analysis (PTA)

การวิเคราะห์เปรียบเทียบบริษัท(Comparable Company Analysis – CCA) และ การวิเคราะห์ธุรกรรมที่เกิดขึ้นในอดีต (Precedent Transaction Analysis – PTA) ต่างก็เป็นวิธีการประเมินมูลค่าเชิงเปรียบเทียบ (relative valuation) ที่สำคัญซึ่งใช้ในการประเมินมูลค่าของบริษัทโดยเปรียบเทียบกับกิจการที่คล้ายคลึงกัน แม้ว่าทั้งสองวิธีจะใช้อัตราส่วนตัวคูณมูลค่า (valuation multiples) เช่น EV/Revenue และ EV/EBITDA เหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญในการนำไปใช้และความหมายที่แฝงอยู่

CCA จะมุ่งเน้นไปที่อัตราส่วนตัวคูณของตลาด ณ ปัจจุบัน โดยไม่รวมราคาที่ผู้ซื้อจ่ายเพิ่มเพื่อควบคุมกิจการ (takeover premium) ซึ่งสะท้อนถึงมูลค่าการซื้อขายที่เป็นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ในทางตรงกันข้าม PTA จะรวมราคาที่ผู้ซื้อจ่ายเพิ่มเพื่อควบคุมกิจการไว้ด้วย และอิงจากข้อมูลการทำ M&A ในอดีต ซึ่งอาจไม่ได้สะท้อนสภาวะตลาดล่าสุดเสมอไป แต่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำความเข้าใจส่วนเพิ่มของราคาที่จ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจควบคุมในธุรกรรมการซื้อกิจการ

การเลือกระหว่าง CCA และ PTA ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการประเมินมูลค่าและความพร้อมของข้อมูล CCA เหมาะสมกับความต้องการในการประเมินมูลค่าโดยทั่วไป เช่น การวิเคราะห์เพื่อการลงทุน เนื่องจากอาศัยข้อมูลตลาดปัจจุบันที่หาได้ง่าย อย่างไรก็ตาม PTA มีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับการวางแผนการควบรวมและซื้อกิจการ โดยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแรงจูงใจทางการเงินเพิ่มเติมที่ผู้ซื้ออาจต้องจ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจควบคุม

วิธีการทำ Comparable Company Analysis (CCA)

Ⅰ. การระบุบริษัทที่เทียบเคียงได้

ขั้นตอนแรกคือการเลือกกลุ่มบริษัทเปรียบเทียบ (peer group) ที่เหมาะสม โดยนักวิเคราะห์จะเริ่มต้นจากการค้นหาคำอธิบายโดยละเอียดและการจัดประเภทอุตสาหกรรม (industry classifications) จากฐานข้อมูลทางการเงินหรือธุรกิจ เกณฑ์การคัดเลือกมักจะประกอบด้วย อุตสาหกรรม, ภูมิศาสตร์, ขนาด, อัตราการเติบโต และตัวชี้วัดทางการเงิน เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทที่นำมาเปรียบเทียบมีความใกล้เคียงกันมากที่สุด

เกณฑ์การเลือกกลุ่มบริษัทเปรียบเทียบ:

  • ลักษณะทางธุรกิจ: ปัจจัยเหล่านี้รวมถึงส่วนผสมของผลิตภัณฑ์หรือบริการ และประเภทของลูกค้า ซึ่งควรจะสอดคล้องกับบริษัทเป้าหมายอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การเปรียบเทียบมีความเกี่ยวข้อง
  • ข้อมูลทางการเงิน: ตัวชี้วัดทางการเงินที่สำคัญ เช่น การเติบโตของรายได้และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทในกลุ่มเปรียบเทียบดำเนินงานภายใต้สภาวะเศรษฐกิจและมีเกณฑ์วัดผลการดำเนินงานที่คล้ายคลึงกัน
  • ความเสี่ยง: การพิจารณาปัจจัยภายนอก เช่น การเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบ, ความท้าทายเฉพาะของอุตสาหกรรม และภาพรวมการแข่งขัน เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อทำความเข้าใจบริบทที่กว้างขึ้นซึ่งบริษัทเหล่านี้ดำเนินงานอยู่

ตัวอย่างเช่น หากต้องการรวบรวมกลุ่มบริษัทเปรียบเทียบสำหรับบริษัทอย่าง Amazon (NASDAQ: AMZN) ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างโดดเด่นจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ (e-commerce) แต่ก็มีการดำเนินงานที่สำคัญในธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้ง (cloud computing) และดิจิทัลสตรีมมิงด้วย การเลือกบริษัทที่สะท้อนการดำเนินงานอันหลากหลายเหล่านี้จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง บริษัทที่อาจเป็นคู่เปรียบเทียบได้อาจรวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซ, บริษัทเทคโนโลยีที่มีบริการคลาวด์ และผู้ให้บริการสื่อดิจิทัล

เมื่อพิจารณาโมเดลธุรกิจที่หลากหลายของ Amazon กลุ่มบริษัทเปรียบเทียบที่เหมาะสมอาจประกอบด้วยบริษัทอย่าง Alibaba ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านบริการอีคอมเมิร์ซและคลาวด์คอมพิวติ้ง และ Netflix ซึ่งเป็นคู่แข่งในตลาดดิจิทัลสตรีมมิง แนวทางนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่ากลุ่มเปรียบเทียบจะสะท้อนการดำเนินงานที่ซับซ้อนของ Amazon ทำให้การประเมินมูลค่ามีความแม่นยำและครอบคลุมรอบด้านมากขึ้น

การทุ่มเทความพยายามอย่างมากในกระบวนการคัดเลือกและยอมรับในความมีเอกลักษณ์ของแต่ละบริษัทเป้าหมาย จะช่วยเพิ่มความแม่นยำของผลการวิเคราะห์ได้ แม้ว่าการหาบริษัทที่ทำธุรกิจประเภทเดียวกันล้วนๆ (pure-play comparables) อาจเป็นเรื่องท้าทาย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่บริษัทเป้าหมายดำเนินธุรกิจในตลาดเฉพาะกลุ่ม (niche) การรักษาความยืดหยุ่นและความสมจริงในกระบวนการคัดเลือกจึงเป็นสิ่งสำคัญ

Ⅱ. การรวบรวมข้อมูลทางการเงิน

เมื่อระบุบริษัทในกลุ่มเปรียบเทียบได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการรวบรวมข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้อง แพลตฟอร์มข้อมูลอย่าง Bloomberg Terminal, Capital IQ หรือ Speeda มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในขั้นตอนนี้ โดยช่วยให้สามารถดึงข้อมูลเข้าสู่โปรแกรม Excel ได้โดยตรง และอาจต้องวิเคราะห์ตัวชี้วัดที่แตกต่างกันไป เช่น EBITDA, EPS หรือกำไรขั้นต้น (gross profit) ขึ้นอยู่กับระยะของวงจรธุรกิจ

Ⅲ. การจัดทำตารางเปรียบเทียบ

จากนั้น ข้อมูลจะถูกจัดระเบียบในตารางเปรียบเทียบ (comps table) ใน Excel โดยแสดงรายชื่อบริษัท, มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market cap), หนี้สินสุทธิ (net debt), รายได้ และข้อมูลทางการเงินอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง การจัดรูปแบบนี้ช่วยให้การวิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่างกิจการต่างๆ มีความชัดเจน

Ⅳ. การคำนวณอัตราส่วน

เมื่อมีข้อมูลทางการเงินครบถ้วนแล้ว นักวิเคราะห์จะคำนวณอัตราส่วนตัวคูณมูลค่า (valuation multiples) ต่างๆ เช่น EV/Revenue, P/E หรือ P/BV อัตราส่วนเหล่านี้ช่วยให้เข้าใจว่าตลาดประเมินมูลค่าบริษัทในกลุ่มเปรียบเทียบอย่างไรเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทเหล่านั้น

Ⅴ. การประเมินมูลค่า

ในขั้นตอนสุดท้าย จะนำค่าเฉลี่ยหรือค่ามัธยฐานของอัตราส่วนตัวคูณจากบริษัทที่เทียบเคียงได้มาปรับใช้กับข้อมูลทางการเงินของบริษัทเป้าหมายเพื่อประเมินมูลค่าของบริษัทนั้น กระบวนการนี้อาจรวมถึงการปรับตัวเลขเพื่อตัดค่าผิดปกติ (outliers) ออกไป เพื่อให้แน่ใจว่าการประเมินมูลค่าสะท้อนมุมมองของตลาดที่เป็นจริง

ข้อดีและข้อเสียของ CCA

การวิเคราะห์เปรียบเทียบบริษัท (Comparable Company Analysis – CCA) เป็นวิธีการประเมินมูลค่าทางการเงินที่เป็นที่ยอมรับ และใช้กันอย่างแพร่หลายในแวดวงต่างๆ เช่น การบัญชี, M&A, วาณิชธนกิจ (investment banking) และการเงินองค์กร (corporate finance) แนวทางนี้ซึ่งเปรียบเทียบตัวชี้วัดทางการเงินของบริษัทที่คล้ายคลึงกันเพื่อประเมินมูลค่าของบริษัท มีทั้งข้อดีและข้อจำกัดที่ชัดเจน การทำความเข้าใจสิ่งเหล่านี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและการประยุกต์ใช้ CCA ในการวิเคราะห์ทางการเงินได้อย่างมีนัยสำคัญ

|   ข้อดีของ CCA

  • เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง: CCA เป็นเครื่องมือพื้นฐานในการวิเคราะห์ทางการเงิน ทำให้มีกรอบการทำงานร่วมกันในการประเมินมูลค่าบริษัทในอุตสาหกรรมต่างๆ การยอมรับอย่างกว้างขวางนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่ามีแนวทางที่สอดคล้องกันในการประเมินโอกาสการลงทุนหรือมูลค่าบริษัท
  • ความสามารถในการเข้าถึงข้อมูล: การใช้ข้อมูลทางการเงินที่เปิดเผยต่อสาธารณะ เช่น เอกสารที่ยื่นต่อ ก.ล.ต. (SEC filings) และข้อมูลตลาด ทำให้ CCA ช่วยให้นักวิเคราะห์รวบรวมข้อมูลที่จำเป็นได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นการทำให้กระบวนการประเมินมูลค่าเข้าถึงได้ในวงกว้าง
  • ความเรียบง่ายและชัดเจน: วิธีการนี้เกี่ยวข้องกับการเปรียบเทียบตัวชี้วัดทางการเงินที่ไม่ซับซ้อน ทำให้ไม่เพียงแต่ผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเท่านั้นที่เข้าถึงได้ แต่ยังรวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ไม่มีพื้นฐานด้านการเงินด้วย
  • ความยืดหยุ่น: CCA สามารถนำไปใช้ได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม ทำให้เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์รอบด้านสำหรับนักวิเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็นการประเมินมูลค่าบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีหรือบริษัทผู้ผลิตที่มั่นคงแล้ว CCA ก็สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวข้องได้
  • เป็นเครื่องมือเสริม: CCA มักใช้ร่วมกับวิธีการประเมินมูลค่าอื่นๆ เช่น DCF หรือ PTA เพื่อช่วยให้เห็นภาพรวมมูลค่าของบริษัทที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ข้อจำกัดของ CCA

  • การหาบริษัทที่เทียบเคียงได้: หนึ่งในความท้าทายที่สำคัญของ CCA คือความยากลำบากในการระบุบริษัทที่เทียบเคียงกันได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะสำหรับกิจการที่มีลักษณะเฉพาะตัวหรืออยู่ในตลาดเฉพาะกลุ่ม (niche) ซึ่งอาจทำให้การประเมินมูลค่าบิดเบือนไปหรือมีความน่าเชื่อถือน้อยลง
  • ความผันผวนของตลาด: การพึ่งพาสภาวะตลาดในปัจจุบันหมายความว่า CCA อาจอ่อนไหวต่อความผันผวนของตลาดในระยะสั้น ซึ่งอาจไม่ได้สะท้อนมูลค่าระยะยาวของบริษัทเสมอไป
  • การมองข้ามศักยภาพในอนาคต: CCA เน้นข้อมูลในอดีตเป็นหลัก และอาจไม่สามารถสะท้อนโอกาสการเติบโตในอนาคตหรือการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
  • ข้อจำกัดของข้อมูลสาธารณะ: เนื่องจาก CCA ต้องอาศัยข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะเป็นอย่างมาก จึงอาจมองข้ามข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ เช่น กลยุทธ์ที่ไม่ได้เปิดเผยหรือผลิตภัณฑ์ที่กำลังจะเปิดตัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าของบริษัท
  • อคติจากการรับรู้ของตลาด: วิธีการนี้ตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าตลาดมีประสิทธิภาพและมักจะสะท้อนความเชื่อมั่นของตลาดในขณะนั้น ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับมูลค่าที่แท้จริง (intrinsic value) ของบริษัทเสมอไป และอาจนำไปสู่การประเมินราคาที่ผิดพลาด (mispricing) ได้

Speeda ช่วยลดข้อจำกัดของ CCA ได้อย่างไร

เพื่อจัดการกับข้อจำกัดบางประการที่มีอยู่ใน CCA เราสามารถใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มอย่าง Speeda ได้ Speeda นำเสนอข้อมูลที่ครอบคลุมอย่างกว้างขวาง รวมถึงข้อมูลทางการเงินโดยละเอียดของบริษัทมหาชนและบริษัทเอกชน (private companies) กว่า 10 ล้านแห่งในหลากหลายภูมิภาคและอุตสาหกรรม ฐานข้อมูลขนาดใหญ่นี้ช่วยให้นักวิเคราะห์สามารถระบุกลุ่มบริษัทที่เทียบเคียงได้แม่นยำยิ่งขึ้น แม้ในตลาดเฉพาะกลุ่มก็ตาม

  • การเข้าถึงข้อมูลที่ครอบคลุม: การที่ Speeda รวบรวมทั้งข้อมูลบริษัทมหาชนและบริษัทเอกชน พร้อมด้วยงานวิจัยอุตสาหกรรม (industry research) และข้อมูลดีล M&A ทำให้ผู้ใช้มีขอบเขตข้อมูลที่กว้างขึ้น ช่วยลดการพึ่งพาเฉพาะข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะเพียงอย่างเดียว
  • ตัวกรองการค้นหาขั้นสูง: ความสามารถในการค้นหาที่ซับซ้อนของแพลตฟอร์มช่วยให้นักวิเคราะห์สามารถปรับเกณฑ์การเลือกบริษัทเปรียบเทียบได้อย่างละเอียด ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำของ CCA
  • ข้อมูลเชิงลึกตลาดที่เป็นปัจจุบัน: การอัปเดตฐานข้อมูลด้วยข้อมูลทางการเงินและแนวโน้มตลาดล่าสุดอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้ผู้ใช้สามารถพิจารณาข้อมูลที่เป็นปัจจุบันที่สุด ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดได้
  • ข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญ: บริการเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญ (expert network) ของ Speeda ให้การวิเคราะห์เชิงคุณภาพเพิ่มเติม ซึ่งสามารถเสริมข้อมูลเชิงปริมาณที่ใช้ใน CCA ทำให้มองเห็นภาพรวมมูลค่าของบริษัทได้รอบด้านยิ่งขึ้น

- Recommended Content

Recommended Content For You